News

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จัดโครงการให้ความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรม : การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ



มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ โดยหน่วยตรวจสอบภายในและส่วนทรัพยากรมนุษย์และองค์กร จัดโครงการให้ความรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรม : การป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนและกรอบแนวทางการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสของหน่วยงานภาครัฐ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 และการใช้ระบบสารสนเทศเพื่อสนับสนุนการประเมินคุณธรรมฯ (ITA Online) โดยคุณชนิดา อาคมวัฒนะ วิทยากรจากสำนักงานสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เมื่อวันพุธที่ 13 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุม 4 ชั้น 2 อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีและพัฒนานวัตกรรม โดยมี ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี เป็นประธาน และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ผดุงศักดิ์ สุขสอาด รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ กล่าวรายงาน พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากร มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เข้าร่วมโครงการให้ความรู้นี้



ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี กล่าวว่า มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ในการ “เป็นองค์การธรรมรัฐ" ดังนั้น สิ่งที่ยึดถือมาตลอด คือ ต้องเป็นองค์กรที่โปร่งใส เป็นองค์กรที่ปลอดจากการทุจริต ซึ่งถือเป็นภาระหน้าที่ของบุคลากรทุกคน ทุกฝ่าย ต้องยึดถือปฏิบัติเพื่อการขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ ประเทศไทยมักมีคำกล่าวที่ว่า “การทุจริตคอรัปชั่นอยู่ในสายเลือด” ถือเป็นคำกล่าวหาที่รุนแรง ที่เป็นเช่นนี้เพราะกฎหมายบ้านเมือง และบทลงโทษผู้กระทำผิด ทุจริตคอรัปชั่นในประเทศไทยยังไม่เข้มแข็งพอ ต่างจากประเทศที่พัฒนาแล้วทั่วโลก มีกฎหมายที่เข้มแข็ง ผู้ที่กระทำผิดคอรัปชั่นไม่กล้าเสี่ยง ซึ่งกลุ่มที่มีแนวโน้มเกี่ยวข้องกับการทุจริตของภาครัฐมากที่สุด คือ นักการเมือง ข้าราชการประจำ และภาคเอกชน

ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ กล่าวต่ออีกว่า การทุจริตที่พบได้มากที่สุด คือ การจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ว่าจะเป็น ครุภัณฑ์ การก่อสร้าง หรืออื่นๆ จึงต้องวางแผนการทำงานที่รัดกุมมากขึ้นด้วยการทำบัญชีรายชื่อ บัญชีราคาสินค้า เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่าง การกำหนดราคากลางที่เหมาะสม ซึ่งกระบวนการดำเนินงานทุกอย่างต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ทำให้ระบบคอรัปชั่นเกิดขึ้นได้ยาก นโยบายที่ดำเนินการมาตลอดระยะเวลาที่รับตำแหน่งอธิการบดีที่นี่ คือ ทำให้รัฐได้ของถูก มหาวิทยาลัยมีเงินเหลือ และสามารถนำงบประมาณไปใช้ในงานอื่นที่เป็นประโยชน์เพิ่มขึ้น และนอกจากจะได้ราคาสมเหตุสมผลแล้ว ต้องได้ของดี มีคุณภาพ การรับราชการต้องไม่ทุจริตคอรัปชั่น ต้องอยู่ให้ได้ด้วยเงินเดือน นี่คือเรื่องที่พยายามจะบอกผู้ร่วมงานทุกคนและที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากบุคลากรทุกท่านด้วยดีมาโดยตลอด

สิ่งที่เราทำและเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ คือ คนทำงานทุกคน เมื่อเกิดอะไรที่ผิดปกติ ไม่ถูกต้อง ให้รีบตรวจสอบ หากเป็นความผิดที่ทำให้มหาวิทยาลัยเสียหาย ต้องรีบดำเนินการตามระเบียบ สอบข้อเท็จจริง ลงโทษ แต่หากมหาวิทยาลัยไม่เสียหาย ต้องดูที่เจตนาแล้วจึงตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไข การทำงานร่วมกันสามารถประนีประนอมและต้องรู้ว่าสิ่งใดคือเป้าหมายหลัก เป้าหมายรอง

นอกจากนี้ ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ยังเน้นย้ำอีกว่า ในฐานะที่เป็นคนจริงจังมากเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น การทำงานจึงต้องเน้นเสมอว่า อันดับแรก ต้องถูกระเบียบ แต่จะอ้างกฏระเบียบแล้วล่าช้ามิได้ และภายในองค์กรจะต้องมีเป้าหมายเดียวกัน หากคนทำงานมุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก ตามทฤษฎีการบริหารจัดการสมัยใหม่ แต่ผู้ตรวจสอบกลับมุ่งเน้นแต่ระเบียบวินัย ไม่สนใจประสิทธิภาพ ก็จะเกิดปัญหา ดังนั้น หน่วยตรวจสอบในฐานะผู้ดูแลกฎระเบียบ จึงต้องตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ไม่จ้องจับผิด หากมีสิ่งใดที่คิดว่าไม่ถูกต้อง ต้องสอบถามว่า ผิดเพราะอะไร เจตนาหรือไม่ แล้วจึงพิจารณาบทลงโทษตามระเบียบต่อไป ทั้งหมดนี้คือการเป็นองค์การธรรมรัฐ เรื่องความโปร่งใส องค์กรของเราให้ความสำคัญมาก เพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎระเบียบและทำให้งานมีประสิทธิภาพ ไปสู่เป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่วางไว้

สำหรับการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานมหาวิทยาลัยได้ร่วมรับการประเมินครั้งแรกในปีงบประมาณ 2560 โดยได้รับผลการประเมินในภาพรวมร้อยละ 78.16 และในปีงบประมาณ 2561 ได้ร้อยละ 81.34 ซึ่งถือว่ามีคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานในระดับสูงมาก









ประมวลภาพ

ข่าวและภาพ โดย ชลธิชา ปานแก้ว ส่วนสื่อสารองค์กร

TOP