ข่าวเด่น

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์(มวล.) จัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ 2561 (The 2nd Walailak University Cultural Camp) ระหว่างวันที่ 16 -23 มิถุนายน 2561 เพื่อเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติได้มาเรียนรู้วัฒนธรรมไทย พร้อมสร้างทูตทางวัฒนธรรม เพื่อช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปสู่สากล ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมไร้พรมแดน” โดยมีนักศึกษาต่างชาติจาก 33 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลก เข้าร่วม

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีพิธีเปิดค่ายฯ อย่างยิ่งใหญ่ ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี ม.วลัยลักษณ์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศธร เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้กำกับดูแลฝ่ายภายในศูนย์กิจการนานาชาติในฐานะผู้อำนวยการโครงการค่ายวัฒนธรรมนานาชาติ ได้ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยมี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช นายวิรัตน์ รักษ์พันธ์ ตัวแทนจากภาครัฐ ภาคเอกชนผู้ให้การสนับสนุนโครงการ ภาคชุมชน ผู้บริหารมหาวิทยาลัย ผู้มีอุปการคุณ บุคลากร นักศึกษาผู้เข้าร่วมค่ายจาก 33 ประเทศ และสื่อมวลชน เข้าร่วมกว่า 300 คน ณ อาคารปฏิบัติการสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ



ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์มีเป้าหมายในการก้าวสู่ความเป็นนานาชาติ โดยเริ่มจากปฏิรูปการเรียนการสอนโดยนำมาตรฐาน UKPSF (United Kingdom Professional Standards Framework) มาใช้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพการใช้ภาษาอังกฤษของนักศึกษา โดยจัดตั้ง “สถาบันภาษา” เพื่อเสริมสร้างสมรรถนะสากลให้แก่นักศึกษาทุกคน สนับสนุนให้นักศึกษาไปปฏิบัติงานสหกิจศึกษาในต่างประเทศ การจัดตั้งวิทยาลัยนานาชาติ 3 วิทยาลัย รวมทั้งการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยสู่สากล ในปี 2560 ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยได้ริเริ่มจัดค่ายวัฒนธรรมนานาชาติเป็นครั้งแรก มีนักศึกษานานาชาติ จาก 21 ประเทศ และมีเป้าหมายที่จะจัดกิจกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2561 กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16 -23 มิถุนายน 2561 เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ภายใต้แนวคิด “วัฒนธรรมไร้พรมแดน” เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาต่างชาติได้มารู้จักวัฒนธรรมไทย และกลายเป็นทางทูตวัฒนธรรมที่จะช่วยในการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยไปสู่สากลต่อไป ขณะเดียวกันนักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 60 คน จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมจากเพื่อนนักศึกษาต่างชาติ ได้สร้างเครือข่าย และโอกาสสำหรับทางการศึกษาต่อในอนาคต อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มพูนประสบการณ์ด้านภาษาอังกฤษ และตอบสนองกับนโยบายของรัฐบาลไทยด้านการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งถือเป็น 1 ใน 55 จังหวัด เมืองรองของประเทศไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกด้วย



ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศธร เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้มีนักศึกษาให้ความสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการฯกว่า 750 คน จาก 300 มหาวิทยาลัย ใน 50 ประเทศ และมีการคัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติตรงตามที่กำหนดจำนวน 160 คน จาก 33 ประเทศ และ 5 ทวีปทั่วโลก คือ เอเชีย ยุโรป อเมริกาเหนือ อเมริกาใต้ และ แอฟริกา เข้าร่วมค่ายเป็นระยะเวลา 8 วัน โดยในระหว่างวันที่ 16 – 20 มิถุนายน 2561 จะอยู่ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้วัฒนธรรมประจำชาติ และเรียนรู้วัฒนธรรมไทยผ่านกิจกรรม การทำอาหารไทย มวยไทย รำไทย ภาษาไทย และดนตรีไทย ตลอดจนร่วมกับชุมชนทำความสะอาดชายหาด ที่อำเภอขนอม พร้อมการศึกษาเรียนรู้ประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช เยี่ยมชมวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ล่องเรือเยี่ยมชมลุ่มน้ำปากพนัง หลังจากนั้นในวันที่ 21 – 23 มิถุนายน 2561 ผู้เข้าร่วมค่ายทุกคนจะเดินทางโดยรถไฟไปยังกรุงเทพมหานครเมืองหลวงของประเทศไทย เพื่อเยี่ยมชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในวันสุดท้ายซึ่งเป็นพิธีปิดค่ายจะมีการแสดงชุด “Cultures Without Borders” การแสดงที่ผสมผสานเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของแต่ละชาติเข้าด้วยกันอีกด้วย

“วัตถุประสงค์สำคัญประการหนึ่งของการจัดโครงการค่ายฯ คือ การพัฒนาเยาวชนให้เป็นพลเมืองโลก ผู้ยอมรับในความแตกต่างทางวัฒนธรรม สีผิว และ ความเชื่อของพลเมืองแต่ละประเทศ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติ และทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาสังคมโลกให้ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พงศธร กล่าว













ประมวลภาพ

ข่าวและภาพโดยนายธีรพงศ์ หนูปลอด ส่วนสื่อสารองค์กร
ขอขอบคุณภาพจากคุณเสกมนต์ หม่อมวิญญา ส่วนแผนงานฯ