ข่าวเด่น

รักษาการแทนอธิการบดี ม.วลัยลักษณ์ ปลื้มผลงานวิจัยตีพิมพ์ในฐานข้อมูล Scopus Q1Q2 สูงกว่า 90% เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย มีคณาจารย์ผ่านการรับรอง UKPSF จากอังกฤษสูงสุดในประเทศ ขณะที่แนวโน้มจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและคุณภาพ พร้อมตั้งเป้าจะทำให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มี Campus สวยที่สุดในประเทศไทย

ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ รักษาการแทนอธิการบดี ม.วลัยลักษณ์ กล่าวถึงพัฒนาการความก้าวหน้าการดำเนินงานของมหาวิทยาลัย เนื่องในโอกาสครบปีที่ 31 แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย ซึ่งจัดขึ้น ณ หอประชุมใหญ่ อาคารไทยบุรี โดยมี นายธีระชัย เชมนะสิริ นายกสภามหาวิทยาลัย   ตลอดจนกรรมการสภามหาวิทยาลัย คณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ ทั้งภาครัฐภาคเอกชน เข้าร่วมกว่า 1,000 คน ว่า หลังจากที่ม.วลัยลักษณ์ได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มมหาวิทยาลัยวิจัย แนวหน้าของโลก(Frontier Research University) ตามนโยบายของกระทรวงอว. มหาวิทยาลัยได้พัฒนาผลงานวิจัยให้มีคุณภาพ คณาจารย์ทุกคนได้ร่วมกันขับเคลื่อนการวิจัยอย่างเข้มข้น ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนผลงานวิจัยมากขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยในปี 2565 มีมากกว่า 700 บทความ 

ที่สำคัญผลงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารนานาชาติ Scopus Q1,Q2 สูงกว่า 90% อยู่ในอันดับ 1 ของประเทศ  ซึ่งในช่วงเดือนตุลาคม2565 ที่ผ่านมา ม.วลัยลักษณ์ได้รับการจัดอันดับโลก World University Rankings  จาก Times Higher Education แล้วเป็นครั้งแรก สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของอาจารย์ผู้สอนและนักวิจัยของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ 

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนมุ่งสู่มหาวิทยาลัยคุณภาพ โดยได้ปฏิรูปการเรียนการสอน ภายใต้ UKPSF (The UK Professional Standards Framework) ของประเทศอังกฤษตั้งแต่ปี 2560 มุ่งพัฒนานักศึกษาให้มีทักษะในการคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ สร้างอาจารย์ให้เป็นอาจารย์ผู้สอนมืออาชีพ ทำให้ปัจจุบันม.วลัยลักษณ์มีคณาจารย์ผ่านการรับรอง จำนวน 596 คน คิดเป็นร้อยละ 98  ถือเป็นจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย 

ขณะที่สถานการณ์จำนวนนักศึกษาภาพรวมของประเทศมีจำนวนลดลง แต่แนวโน้มนักศึกษาของม.วลัยลักษณ์มีจำนวนสูงขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพ โดยพบว่าในปีการศึกษา 2562 , 2563 , 2564, 2565 มีจำนวนนักเรียนที่ยืนยันสิทธิ์เข้าศึกษาต่อ จำนวน 1,748 2,478 3,104 และ 3,512 คน เกรดเฉลี่ยแรกเข้า 3.11, 3.12, 3.20 ,3.35 ตามลำดับ แสดงถึงการแข่งขันและการให้ความสนใจของนักเรียนกลุ่มเด็กเก่งหรือเด็กหัวกะทิ และสะท้อนถึงคุณภาพทางการศึกษาที่สูงขึ้นของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ด้วย

ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ กล่าวอีกต่อไปอีกว่า เรายังได้พัฒนาสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และสิ่งอำนวยความสะดวกควบคู่กันไปด้วย เช่น สร้างห้องเรียนอัจฉริยะทันสมัย Smart Classroom จำนวน 150 ห้อง ปรับปรุงห้องปฏิบัติการสมัยใหม่ Digital Laboratory มีระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง การปรับปรุงและสร้างสนามกีฬาให้มีมาตรฐานสากล ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้แก่นักศึกษาของเรามีความสุขและได้รับสิ่งที่ดีที่สุด 

“สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจร่วมกันพวกเราชาววลัยลักษณ์ ที่ได้ร่วมกันทำงานกันอย่างหนัก มุ่งมั่นตั้งใจจนประสบผลสำเร็จมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล อย่างไรก็ตามเรายังคงมุ่งมั่นเพื่อก้าวต่อไป และในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าจะทำให้มหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่มี Campus สวยที่สุดในประเทศไทย”ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ กล่าว