
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์(มวล.) เปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านไม้และวัสดุชีวภาพ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ทางวิชาการของไม้ยางพาราและไม้เศรษฐกิจอื่นๆ รวมทั้งจัดการอบรมเชิงปฏิบัติการด้าน “เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตไม้ยางพาราแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจากไม้ยางพารา” ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ผู้ใช้งานในอุตสาหกรรมไม้ทั้งภาครัฐและเอกชน
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นประธานในพิธีเปิดศูนย์ความเป็นเลิศด้านไม้และวัสดุชีวภาพ และเปิดการอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตไม้ยางพาราแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจากไม้ยางพารา” โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.นิรันดร มาแทน หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านไม้และวัสดุชีวภาพ มวล. กล่าวรายงาน คุณพรรณี จิรบุญไพสิฐ ผู้แทนหัวหน้าสำนักงานบูรณาการวิจัยมุ่งเป้า กลุ่มเรื่องยางพารา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) พร้อมคณะผู้ทรงคุณวุฒิจาก วช. คุณสุทิน พรชัยสุรีย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครศรีธรรมราชและกรรมการสภา(มวล.) คุณนิกร ลิขิตหวังพาณิชย์ นายกสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย แขกผู้มีเกียรติ ผู้ใช้งานอุตสาหกรรมไม้และผู้สนใจจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั่วประเทศ เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้เป็นจำนวนมาก ณ อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีและพัฒนานวัตกรรม
ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดี กล่าวว่า มวล. ได้ทำการวิจัยด้านไม้ยางพาราและเผยแพร่ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมาอย่างยาวนาน ยางพาราถือเป็นไม้เศรษฐกิจของภาคใต้ ถ้ายางราคาดีพี่น้องประชาชนจะไม่ยากจน แต่เมื่อต้นยางมีอายุมากขึ้นให้ผลผลิตน้ำยางไม่ดีจึงต้องขายไม้ยางเพื่อนำไปแปรรูป ทางทีมงานของหัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านไม้ฯร่วมกับศูนย์ความเป็นเลิศนวัตกรรมน้ำมันหอมระเหยของ มวล. จึงได้ทำการศึกษาวิจัยองค์ความรู้ต่างๆ ถือเป็นความก้าวหน้าทางวิชาการ และสิ่งที่ทีมงานนักวิจัยจะต้องคิดและทำต่อไปคือ ทำอย่างไรให้เกิดการนำไปใช้ประโยชน์ได้มากขึ้นและเผยแพร่องค์ความรู้เหล่านี้ได้อย่างแพร่หลาย ขณะนี้มหาวิทยาลัยกำลังขับเคลื่อนงานวิจัยและผลงานอื่นๆอย่างมาก มีผลงานวิจัยที่โดดเด่นหลายด้าน หลายสาขา ซึ่งเป็นผลงานวิจัยที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในการนำงานวิจัยระดับ Lab-Scale ยกระดับให้เป็น Commercial Scale เพื่อนำองค์ความรู้จากงานวิจัยไปใช้พัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อช่วยในการพัฒนาประเทศ ทั้งนี้ มวล.มีอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุนงานวิจัยระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคเอกชน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดเนื่องจากภาคเอกชนยังไม่กล้าลงทุนเพิ่มเพื่อเอางานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ขณะนี้ มวล.มีงานวิจัยคุณภาพจำนวนมากที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ ทีมนักวิจัยทุกคนของ มวล.ออกแรงและทุ่มเท และหวังว่างานวิจัยเหล่านี้จะได้นำไปใช้ช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
รองศาสตราจารย์ ดร.นิรันดร มาแทน หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านไม้และวัสดุชีวภาพ มวล. กล่าวว่า การอบรมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “เทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตไม้ยางพาราแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจากไม้ยางพารา”ดำเนินการโดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านไม้และวัสดุชีวภาพและศูนย์ความเป็นเลิศนวัตกรรมน้ำมันหอมระเหย มวล.และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช จังหวัดนครศรีธรรมราช มหาวิทยาลัยราชภัฏรำไพพรรณี จังหวัดจันทบุรี และมหาวิทยาลัยขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ภายใต้โครงการ "การพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตไม้ยางพาราแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจากไม้ยางพารา" โดยได้รับทุนวิจัยจาก สำนักงานบูรณาการวิจัยมุ่งเป้า กลุ่มเรื่องยางพารา สำนักงานการวิจัยแห่ชาติ (วช.) และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) มวล.ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการพัฒนาความรู้ทางวิชาการของไม้ยางพาราและไม้เศรษฐกิจอื่นๆ จึงได้จัดตั้งหน่วยวิจัยวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมไม้ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2547 ซึ่งต่อมาได้ยกระดับเป็นศูนย์ความเป็นเลิศด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมไม้ในปี พ.ศ. 2557 เพื่อดำเนินงานวิจัยเชิงลึกทางด้านวิชาการ พัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ไม้และวัสดุชีวภาพ ภายใต้พันธกิจของศูนย์ฯ ที่เน้น 3 องค์ประกอบหลัก คือ 1. การศึกษาวิชาการอย่างลึกซึ้ง (Frontier Research) 2. การพัฒนานวัตกรรมที่ล้ำหน้าเพื่อการใช้ประโยชน์ (Leading Innovations) 3. การถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อการใช้ประโยชน์สูงสุดทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม (Societal Impacts) และเพื่อให้สอดรับกับภาระงานที่กว้างขวางขึ้นจึงได้ปรับชื่อเป็น “ศูนย์ความเป็นเลิศด้านไม้และวัสดุชีวภาพ”
รองศาสตราจารย์ ดร.นิรันดร กล่าวต่ออีกว่า ตลอดระยะเวลากว่า 17 ปีที่ผ่านมา ทางศูนย์ความเป็นเลิศฯ ได้พัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆมากมาย อาทิเช่น ระบบควบคุมการอบไม้อัตโนมัติ DryWooD ซึ่งขณะนี้มีการใช้งานจริงในอุตสาหกรรมจำนวน 4 บริษัท จำนวน 76 เตาอบ ระบบควบคุมความเข้มข้นของน้ำยาอัดไม้ซึ่งมีการติดตั้งให้กับกว่า 20 บริษัท นวัตกรรมปืนยางสำหรับช่วยฝึก ซึ่งมีการใช้งานจริงใน 7 หน่วยงานของภาครัฐ จำนวนกว่า 1,290 กระบอก รวมถึงนวัตกรรมที่กำลังจะออกสู่การใช้งาน เช่น เครื่องวัดความเค้นในไม้ StressWooD meter เครื่องวัดความชื้นไม้แบบเรียลไทม์ นวัตกรรมการอบไม้ปาล์มน้ำมันไม่ให้เกิดการยุบตัว นวัตกรรมไม้แชนวิชที่ใช้ไม้ปาล์มน้ำมันเป็นไส้ ผนังไม้ที่มีโฟมยางเป็นฉนวนความร้อน เป็นต้น ในด้านวิชาการเชิงลึกได้มีการพัฒนาเทศนิคการวัดความเค้นแบบใหม่ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลก ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิชาการชั้นนำด้านไม้ในระดับนานาชาติ การพัฒนาเทคนิคการอบไม้ปาล์มน้ำมันแบบใหม่โดยที่ไม้ไม่ยุบตัว การผลิตไม้ประกอบที่มียางพาราและไม้ปาล์มเป็นไส้ การปรับปรุงโครงสร้างไม้ในระดับนาโนเมตรเพื่อเป็นแหล่งกักเก็บพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น
นอกจากกิจกรรมในช่วงพิธีเปิดแล้วนั้นผู้เข้าร่วมกิจกรรมยังได้รับฟังการบรรยายผลงานวิจัย ภายใต้โครงการ "การพัฒนาเทคโนโลยีและเครื่องมือเพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตไม้ยางพาราแปรรูปและการพัฒนาผลิตภัณฑ์ปลายน้ำจากไม้ยางพารา" จำนวน 6 โครงการ คือ 1. ระบบตรวจวัดความชื้นในไม้ยางพาราแปรรูปแบบเรียลไทม์แบบเข็มตอกโดยการวัดค่าความต้านทานไฟฟ้า โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุรัสวดี กุลบุญ ก่อเกื้อ และคณะ 2. ระบบตรวจวัดความชื้นในไม้ยางพาราแปรรูปแบบเรียลไทม์แบบสัมผัสโดยใช้คลื่นไมโครเวฟ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธัญวัฒน์ ลิมปิติ และคณะ 3. การพัฒนาวิธีการที่มีประสิทธิภาพในการคลายความเค้นในไม้ยางพาราแปรรูปอบแห้งที่มีความหนา 3 นิ้ว โดย รองศาสตราจารย์ ดร. นิรันดร มาแทน และคณะ 4.นวัตกรรมลังไม้ยางพารารมไอน้ำมันหอมระเหยสำหรับผลิตลังใส่ผลไม้ที่สามารถชะลอและควบคุมการสุก โดย รองศาสตราจารย์ ดร. นฤมล มาแทน และคณะ 5. การผลิตไม้ยางพาราแปรรูปคุณภาพสูง ด้วยกระบวนการฝังอัดพอลิเมอร์ในเนื้อไม้ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สฤกษ์ คงทอง และคณะ และ6. การผลิตไม้ยางพาราแปรรูปคุณภาพสูงด้วยกระบวนการ Cross Laminating โดย รองศาสตราจารย์ ดร.สุธน ศรีวะโร และคณะ
ข่าวและภาพ โดย น.ส.ชลธิชา ปานแก้ว ส่วนสื่อสารองค์กร