Location

0 7567 3000

ข่าวเด่น

บริษัทก่อสร้างชั้นนำ หนุน ม.วลัยลักษณ์ เซ็นเอ็มโอยูพัฒนางานวิจัยในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง

อัพเดท : 12/11/2567

2976

2 บริษัทก่อสร้างชั้นนำของประเทศ ร่วมกับ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เซ็นเอ็มโอยูพร้อมมอบทุนกว่า 1 ล้านบาท หนุนงานวิจัยวัสดุแท่งคอมโพสิตและคอนกรีตรีไซเคิล เพื่อช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ด้านนักวิจัยเผยมีแผนสร้างอาคารขนาด 3 ชั้นที่ใช้วัสดุจากแท่งคอมโพสิต 100% เป็นโครงสร้างเสริมแรงภายในปีนี้

เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อนุรักษ์ ถุงทอง ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ พร้อมด้วย นายพิสิษฐ์ จรัสพงศ์ถาวร กรรมการบริหาร บริษัท จีเอฟอาร์พี คิงส์ และนายประเสริฐ ตั้งเด่นไชย กรรมการผู้จัดการบริษัท ปัญญาคอนกรีต จำกัด ร่วมกันลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมวัสดุแท่งคอมโพสิตและคอนกรีต ที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทย โดยได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นประธานในพิธี มีผู้บริหารของทั้ง 2 ฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยาน ณ ห้องINNOVATION HUB อุทยานวิทยาศาสตร์ฯ และ ห้องเกียรติยศ รพ.ศูนย์การแพทย์ 

บันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างม.วลัยลักษณ์ และบริษัท จีเอฟอาร์พี คิงส์ จำกัด มีเป้าหมายสำคัญในการพัฒนาวัสดุแท่งคอมโพสิตในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ศึกษาและวิจัยต่อยอดผลิตภัณฑ์วัสดุแท่งคอมโพสิต และสนับสนุนความร่วมมือการทำวิจัยเพิ่มเติมในอนาคต ส่วนการลงนามกับบริษัท ปัญญาคอนกรีต มีเป้าหมายเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการก่อสร้างคอนกรีตและนวัตกรรมการก่อสร้าง ศึกษาและวิจัยต่อยอดผลิตภัณฑ์ที่ได้จากคอนกรีตรีไซเคิล ภายใต้กรอบเวลา 3 ปี

โอกาสเดียวกันนี้ทั้ง 2 บริษัทดังกล่าวและม.วลัยลักษณ์ ยังได้มีการลงนามในสัญญาโครงการวิจัย เรื่อง “ประสิทธิภาพโครงสร้างพื้นคอนกรีตเสริมแรงด้วยตะแกรงแท่งคอมโพสิตแบบรับแรงสองแกน” และโครงการวิจัยเรื่อง “การประยุกต์ใช้การวิเคราะห์วงจรชีวิตในการใช้คอนกรีตรีไซเคิล สำหรับนวัตกรรมลูกปูนหนุนในงานก่อสร้าง” พร้อมสนับสนุนทุนการวิจัย ให้แก่ รองศาสตราจารย์ ดร.ทนงศักดิ์ อิ่มใจ หัวหน้าโครงการวิจัย รวมทั้งสิ้น 1,075,000 บาท

รองศาสตราจารย์ ดร.ทนงศักดิ์ กล่าวถึงความสำคัญของโครงการวิจัยในครั้งนี้ ว่า อุตสาหกรรมการก่อสร้างเป็นส่วนสำคัญที่ใช้ทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมาก การนำวัสดุคอนกรีตรีไซเคิลและวัสดุแท่งคอมโพสิตมาใช้ จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สามารถช่วยยกระดับอุตสาหกรรมการก่อสร้างของประเทศไทยได้ 

"ในอนาคตเรามีแผนในการก่อสร้างอาคารจริงขนาด 3 ชั้น ที่ใช้วัสดุแท่งคอมโพสิต 100% เป็นโครงสร้างเสริมแรง โดยจะตรวจวัดและติดตามผลด้านความทนทานและประสิทธิภาพของวัสดุต่อสภาพแวดล้อมจริงเป็นระยะเวลา 12 เดือน เพื่อประเมินความทนทานและความสามารถในการรองรับน้ำหนักในระยะยาว" รองศาสตราจารย์ ดร.ทนงศักดิ์ กล่าว

ส่วนการใช้คอนกรีตรีไซเคิล สำหรับผลิตลูกปูนหนุนเหล็กเสริมในโครงสร้างคอนกรีต จะช่วยลดการใช้ทรัพยากรใหม่และลดขยะก่อสร้าง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการสึกกร่อนของเหล็กเสริมในคอนกรีต มีความทนทานต่อการกัดกร่อนในสภาวะแวดล้อมที่รุนแรง ที่สำคัญจะช่วยยืดอายุการใช้งานของโครงสร้างได้อีกด้วย