
มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ร่วมการประชุมนานาชาติ “Governance Conference 2024: Transformation in HE - Governing with Humanity” จัดโดย Advance HE ณ เมืองเบอร์มิงแฮม สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการแชร์ข้อมูลสถิติและทบทวนการบริหารภายในองค์กรระดับอุดมศึกษาที่มีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยการให้ความสำคัญกับหลักมนุษยธรรม
โดยคณะผู้บริหาร ประกอบด้วย นายธีระชัย เชมนะสิริ นายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, คุณหญิงสุพัตรา มาศดิตถ์ อุปนายกสภามหาวิทยาลัย, ศาสตราจารย์ ดร.สุนทร มณีสวัสดิ์ และนายบุญชู ประสพกิจถาวร กรรมการสภามหาวิทยาลัยผู้ทรงคุณวุฒิ ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์, รองศาสตราจารย์ ดร.สุวิทย์ วุฒิสุทธิเมธาวี, รองศาสตราจารย์ ดร.สุรินทร์ ไหมศรีกรด, รองศาสตราจารย์ ดร.อุไร จเรประพาฬ, รองศาสตราจารย์ ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ รองอธิการบดี และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภัทร์นรินทร์ ศุภกร ผู้อำนวยการศูนย์กิจการนานาชาติ เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
โอกาสเดียวกันนี้ นายธีระชัย เชมนะสิริ นายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้ร่วมบรรยายพิเศษในหัวข้อ “How do different countries and cultures govern with humanity during times of change?” พร้อมผู้ร่วมบรรยายจากประเทศไอร์แลนด์ กรีซ และ Advance HE สหราชอาณาจักร ได้แก่ Alison Johns, CEO of Advance HE ,Professor Thomas Collins, Chair of Dundalk Institute of Technology ประเทศไอร์แลนด์ และ Laura Maska, Managing Director of Aegean College ประเทศกรีซ
นายกสภามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ได้นำเสนอการเปลี่ยนแปลงของมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จากอดีตสู่ปัจจุบันให้ชาวต่างชาติและผู้เข้าร่วมการประชุมได้รับฟัง ทำให้มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่การก่อตั้งมหาวิทยาลัยในปี 1992 ถึง 2024 โดยได้แบ่งประวัติศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยเป็น 4 ยุค ได้แก่ 1st era (1980-1998) Planting the seed ,2nd era (1999-2006) Blossoming and Hope ,3rd ear (2007-2015) Facing challenges และ 4th era (2016-2024) Transforming and Going global
โดยการประชุมครั้งนี้ได้แบ่ง Sessions เป็น 3 หัวข้อย่อย ได้แก่ หัวข้อที่ 1 “Diversity of Governors in HE” report หัวข้อที่ 2 “Measuring What Matters” และหัวข้อที่ 3 “ESG interactive workshop: What does the sector need and how might it need to change?”