ข่าววิชาการ-วิจัย-สัมมนา

ศูนย์ความเป็นเลิศ FuNTech มวล. จัดสัมมนานาชาติมุ่งสู่ความยั่งยืน : การสังเคราะห์สีเขียวเพื่อวัสดุฟังก์ชันและการประยุกต์ใช้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (SMA2025) ดึงนักวิจัยจากมาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดีย ร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้

รศ.ดร.หมุดตอเล็บ หนิสอ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านวัสดุเชิงฟังก์ชันและนาโนเทคโนโลยี หรือ FuNTech ม.วลัยลักษณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28-29 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ความเป็นเลิศ FuNTech ได้จัดสัมมนาวิชาการนาชาติ ว่าด้วยแนวทางสู่ความยั่งยืน : การสังเคราะห์สีเขียวเพื่อวัสดุฟังก์ชันและการประยุกต์ใช้ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (SMA2025) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบปีที่ 33 แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย โดยได้ดึงนักวิจัยที่ทำงานวิจัยที่ใกล้เคียงกับ FuNTech จากประเทศมาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และอินเดียร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้

โดยเน้นงานวิจัยที่นักวิจัยของ FuNTech ทำอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นด้านไมโครเวฟ พลาสมา หรือการพัฒนาสารที่มีคุณสมบัติเชิงนาโน วัสดุเชิงฟังก์ชันที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่สามารถไปประยุกต์ในด้านต่างๆ ครอบคลุมทั้งทางพลังงาน การแพทย์และสิ่งแวดล้อม

รศ.ดร.หมุดตอเล็บ กล่าวว่า ปีนี้มีโอกาสได้คุยกับนักวิจัยจากทั้งมาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ความก้าวหน้า และร่วมกันการวางแผนที่จะพัฒนางานต่อไปในอนาคต ที่สำคัญคือเราพยายามให้นักวิจัยรุ่นใหม่ ได้มีโอกาสได้มารู้จักงานวิจัยที่นักวิจัยอาวุโสทั้งในไทยและต่างประเทศ ถือเป็นโอกาสแลกเปลี่ยนและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ จากนักวิจัยในไทยและต่างประเทศ เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งในการวิจัยที่จะพัฒนาเป็นโจทย์ใหญ่ ๆ ที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ซึ่งการประชุมครั้งนี้เป็นการบูรณาการที่จะพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหาในปัจจุบันด้วยส่วนหนึ่ง ยังเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะใช้ในอนาคตเพื่อที่จะให้เกิดปัญหาน้อยลงด้วย

“เราจะเน้นเรื่องของการใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการใช้ไมโครเวฟ การใช้พลาสมา นำไปสู่การประยุกต์เพื่อสังเคราะห์สาร ที่เราต้องนำไปใช้สร้างวัสดุใหม่ ๆ ที่จะใช้ทำอุปกรณ์ในการผลิตไฮโดรเจนหรือใช้เป็นขั้วไฟฟ้าสำหรับแบตเตอรี่ การพัฒนาสารที่มีลักษณะเฉพาะทาง หรือครอบคลุมไปถึงเรื่องของการพัฒนาสารสกัดจากพืชสมุนไพรที่เกี่ยวกับเรื่องของไมโครเวฟหรือว่าเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง”  รศ.ดร.หมุดตอเล็บ กล่าว