Location

0 7567 3000

ข่าวเด่น

อัฟฟาน : การฝึกฝนช่วยให้เก่งภาษาอังกฤษ

อัพเดท : 21/10/2556

4884



อัฟฟาน ตุลยศักดิ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 2 สาขาวิชารัฐศาสตร์ สำนักวิชาศิลปศาสตร์ เข้าร่วมโครงการค่ายพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ณ Universiti Sains Malaysia (USM) ประเทศมาเลเซีย ด้วยความชอบภาษาอังกฤษ และเห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษเนื่องจากเป็นภาษาราชการของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) และมีความจำเป็นอย่างมากต่อการเรียนรัฐศาสตร์เพื่อการประกอบอาชีพในอนาคต

อัฟฟาน ได้เล่าให้ฟังว่า เป็นคนที่ชอบพูดภาษาอังกฤษ แต่สภาพแวดล้อมทำให้ไม่ค่อยได้ใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน จึงทำให้อายที่จะพูด พูดแล้วกลัวผิดหลักแกรมมาร์ จึงตัดสินใจสมัครเข้าร่วมโครงการค่ายพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ซึ่งจัดโดยส่วนวิเทศสัมพันธ์ เพื่อเพิ่มทักษะด้านภาษาอังกฤษให้กับตัวเอง ซึ่งจำเป็นต่อการเรียนในสาขารัฐศาสตร์และยังเป็นภาษาราชการของ AEC อีกด้วย ประกอบกับเป็นคนชอบรับสิ่งใหม่เข้ามา เพื่อพัฒนาตนเองให้มีศักยภาพมากขึ้น การใช้ชีวิตในรั้ว Universiti Sains Malaysia จึงได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง

อย่างแรก ได้พัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษควบคู่ไปกับการเรียนรู้ภาษามลายู ทำให้ได้กำไรคูณสองเลยทีเดียว การต้องพูดภาษาอังกฤษตลอดเวลาทำให้ภาษาเราดีขึ้น ถึงแม้จะพูดผิด แต่ก็ได้แนะนำว่าที่ถูกคืออะไร ต้องพูดอย่างไร ทำให้เราจำง่ายกว่าการที่เราไม่รู้ว่าเราผิดตรงไหน อย่างที่สอง ได้เรียนรู้การพูดในที่สาธารณะหรือที่เรียกว่า Public Speaking โดยอาจารย์ให้เลือกหัวข้อที่จะพูดได้เองคนละ 1 นาที พอพูดจบ อาจารย์จะให้คำแนะนำเพื่อไปปรับปรุงแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นบุคลิก ลักษณะท่าทาง และวิธีการพูด ทำให้มีความมั่นใจและกล้าที่พูดต่อหน้าคนจำนวนมากได้

อย่างที่สาม ช่วยให้เข้าใจสภาพสังคมและวัฒนธรรมในประเทศมาเลเซีย อย่างเช่น รสชาติอาหารส่วนใหญ่จะเป็นรสจืด อาหารเช้าจะเป็นพวกหมี่ผัด อาหารเที่ยงและเย็นเหมือนกับประเทศเราแต่ต่างกันที่รสชาติ เรียนรู้การขึ้นรถประจำทางสาธารณะโดยต้องเตรียมเงินให้พอกับค่าโดยสาร ซึ่งราคาอยู่ที่ RM 1.8 หรือ 18 บาท เพราะพนักงานขับรถไม่มีเวลาที่จะทอนเงินให้ พร้อมทั้งได้เรียนรู้สภาพแวดล้อมของเมืองปีนังซึ่งเป็นที่ตั้งของ USM อย่างที่สี่ ด้วยความที่เข้ากับคนได้ง่ายและไม่อายที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อนเพื่อพูดคุยก่อน จึงทำให้มีเพื่อนนักศึกษาชาวมาเลย์จนเกิดการเรียนรู้และแลกเปลี่ยนภาษาไทยกับภาษามลายูกัน อย่างที่ห้า ได้ร่วมสนุกกับเกมฝึกทักษะภาษาอังกฤษ เช่น เกมตามหาสถานที่บน Penang hill ซึ่งต้องใช้ทักษะภาษาอังกฤษในการถามทางที่จะไปยังสถานที่ที่ทำให้ได้ลองฝึกภาษาอังกฤษในสนามจริงว่า เราสามารถสื่อสารได้จริงไหม อย่างที่หก อาจารย์ที่ USM ส่วนใหญ่เป็นกันเองกับนักศึกษา ทำให้นักศึกษากล้าที่จะถามและพูดคุยกับอาจารย์

นอกจากได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในช่วงเวลาที่เข้าค่ายแล้ว อัฟฟาน ยังมีมุมมองเกี่ยวกับระบบการศึกษาของประเทศมาเลเซียเปรียบเทียบกับประเทศไทยว่า การศึกษาไทยนั้นเน้นสอนทฤษฎีเพียงอย่างเดียวส่วนการปฏิบัติไม่ค่อยมี เป็นการป้อนข้อมูลให้นักเรียนเพียงอย่างเดียว เนื้อหาที่เรียนเจาะจงมากเกินไป ไม่ยืดหยุ่นเท่าที่ควร การเรียนเน้นการแข่งขันเพื่อสอบหรือเรียนพอให้ผ่านเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้งานได้จริง ส่วนเรื่องภาษานั้น คนไทยชาตินิยมสุดโต่ง ไม่ยอมรับภาษาอื่น ผู้ใหญ่ปลูกฝังให้พูดภาษาไทยอย่างเดียว จนทำให้ยากต่อการเรียนภาษาอังกฤษซึ่งเป็นภาษาสากล นโยบายด้านการศึกษาไม่ค่อยเน้นเท่าที่ควร งบประมาณน้อย แต่ประเทศมาเลเซียจะทุ่มงบประมาณด้านการศึกษามากกว่าด้านอื่น จึงทำให้การพัฒนาด้านการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมาก

อัฟฟาน ยังได้พูดถึงมุมมองต่อนักศึกษามาเลย์ว่า ขณะที่นักศึกษาไทยเน้นสบายมากกว่า ทุกอย่างต้องดีหมด มักจะบ่นเรื่องที่พัก/ หอพัก หรืออาหารมาเลย์ไม่อร่อย แต่นักศึกษามาเลย์คิดว่าปัจจัยอย่างอื่นไม่สำคัญ และให้ความสนใจและใส่ใจเรื่องวิชาการมากกว่า ขอให้ได้เรียนและมีความรู้เพื่อไปประกอบอาชีพ เพราะเมื่อไปทำงานแล้วต้องพึ่งตัวเอง ไม่มีใครช่วยได้เนื่องจากบรรลุนิติภาวะแล้ว

โครงการค่ายพัฒนานักศึกษามหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ทำให้ อัฟฟาน กล้าที่จะพูดภาษาอังกฤษมากขึ้น ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ พร้อมทั้งบอกเทคนิคที่ทำให้เก่งภาษาอังกฤษว่า ให้ฝึกฟังเพลงภาษาอังกฤษแล้วพยายามร้องตาม อ่านหนังสือหรือข่าวที่เป็นภาษาอังกฤษ และดูหนังที่เป็นภาษาอังกฤษ การฝึกเท่านั้นที่จะช่วยได้

หากเราปิดกั้นตัวเองอยู่ภายในกรอบ ไม่กล้าที่จะไปเผชิญกับโลกภายนอก จะทำให้ความรู้ของเราแคบ ถ้าคิดที่จะทำ จงลงมือทำ ไม่ควรใช้คำว่า รอก่อน โอกาสมาหาเรา เราควรคว้าโอกาสนั้นไว้ แล้วจะรู้ว่าโลกนี้มีอะไรที่สนุก ให้เราได้เรียนรู้และทำอะไรอีกมาก เช่นเดียวกับ อัฟฟาน ตุลยศักดิ์

สมพร อิสรไกรศีล ส่วนประชาสัมพันธ์ เรียบเรียง
จิราพร กาฬสุวรรณ ส่วนวิเทศสัมพันธ์ ข้อมูลและภาพ