Location

0 7567 3000

ข่าวเด่น

ม.วลัยลักษณ์ จับมือภาคีเครือข่ายลงนามความร่วมมือ พัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพทางไกล (telehealth)

อัพเดท : 15/09/2565

827

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จับมือ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)เขต 11 โรงพยาบาลสิชลและโรงพยาบาลเกาะสมุย ลงนามความร่วมมือการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพทางไกล (telehealth) เพื่อดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา ศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ รักษาการแทนอธิการบดี ม.วลัยลักษณ์ ทันตแพทย์จเร  วิชาไทย  ผู้จัดการงานวิจัยสวรส. ตัวแทนนายแพทย์นพพร ชื่นกลิ่น  ผู้อำนวยการ สวรส.  ดร.กิตติ วงศ์ถวาราวัฒน์ นักวิจัยนวัตกรรมและข้อมูลเพื่อสุขภาพ สวทช. ตัวแทนศาสตราจารย์ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสวทช. พร้อมด้วย นางพนิต มโนการ ผู้อำนวยการสปสช. เขต 11 นายแพทย์อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการ รพ.สิชล และนายแพทย์รัตนพล ล้อประเสริฐกุล ผู้อำนวยการรพ.เกาะสมุย ร่วมกันลงนามในบันทึกความร่วมมือในการสนับสนุน “การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพทางไกล (telehealth) เพื่อดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน” ระหว่าง6 หน่วยงานดังกล่าว โดยมีผู้บริหาร บุคลากรและนักวิจัยของทั้ง 6 สถาบันร่วมกันเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมหัวตะพาน โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์

ทั้งนี้ ม.วลัยลักษณ์ สวรส. สวทช. สปสช.เขต 11 รพ.สิชล และรพ.เกาะสมุย ตระหนักถึงการพัฒนาของเทคโนโลยีสารสนเทศ การนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการดูแลผู้ป่วย รวมถึงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่เพิ่มอัตราเร่งในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการดูแลผู้ป่วย เพื่อลดการเดินทางมายังสถานบริการสุขภาพของผู้ป่วย

สวรส. จึงได้สนับสนุนแผนงานเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพทางไกล (telehealth) เพื่อดูแลผู้ป่วยโครงการวิจัยการใช้เทคโนโลยีสุขภาพทางไกลเพื่อดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และความดันโลหิตสูง ให้แก่ม.วลัยลักษณ์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพทางไกลร่วมกับ สวทช. โดยมีโรงพยาบาลสิชล โรงพยาบาลเกาะ สมุย และ สปสช. เขต 11 เป็นหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุนการดำเนินงาน

อย่างไรก็ตาม เพื่อให้การพัฒนาเทคโนโลยีสุขภาพทางไกล (telehealth) ข้างต้นซึ่งเน้นการนำไปใช้ดูแลผู้ป่วยในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน มีการดำเนินการอย่างราบรื่น มีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อสุขภาวะที่ดีของประชาชนในพื้นที่ โดยบันทึกความร่วมมือฉบับนี้มีผลบังคับใช้เป็นเวลา 3 ปี

.