Location

0 7567 3000

ข่าวเด่น

ม.วลัยลักษณ์ จับมือ 22 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน MOU ขับเคลื่อนการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ที่ จ.กระบี่

31/05/2566

944

ม.วลัยลักษณ์ จับมือ 22 หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ด้านการท่องเที่ยวระดับประเทศและจังหวัด ลงนามบันทึกข้อตกความร่วมมือ ประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนจังหวัดกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2583 เป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย

มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ (มวล.) โดยศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักวิชาการจัดการ โดยมีรองศาสตราจารย์ ดร.ศิวฤทธิ์ พงศกรรังศิลป์ รักษาการแทนคณบดี สำนักวิชาการจัดการ ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือประกาศเจตนารมณ์ขับเคลื่อนจังหวัดกระบี่เป็นเมืองท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Krabi Carbon Neutral Tourism 2040)เป็นจังหวัดแรกของประเทศไทย ร่วมกับผู้บริหารสถานประกอบการจากภาครัฐและเอกชน จำนวน 22 หน่วยงาน โดยเป็นเครือข่ายระดับประเทศ 10 หน่วยงาน และระดับจังหวัดอีก 12 หน่วยงาน 

โอกาสนี้ นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เป็นประธานในพิธีลงนาม พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ ดร.สิรี ชัยเสรี ผู้อำนวยการ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุภาวดี โพธิยะราช ผู้เชี่ยวชาญอาวุโส สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศด้านการจัดการธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ สำนักวิชาการจัดการ ผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษา ตลอดจนตัวแทนสถานประกอบการในพื้นที่ และสื่อมวลชนร่วมเป็นสักขีพยาน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2566 ณ โรงแรมกระบี่รีสอร์ท จังหวัดกระบี่

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์ลภัส พงศกรรังศิลป์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันสังคมโลกให้ความสำคัญกับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก โดยประเทศไทยเป็นส่วนหนึ่งที่ได้แสดงความมุ่งมั่นในการมุ่งสู่ “ความเป็นกลางทางคาร์บอนหรือคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์” ในเวทีประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาฯ สมัยที่ 27 พิธีสารเกียวโต สมัยที่ 17 และความตกลงปารีส สมัยที่ 4 ทำให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องให้ความสำคัญกับการร่วมดำเนินการสร้างความเป็นกลางทางคาร์บอน ซึ่งการลงนามบันทึกข้อตกร่วมความร่วมมือในครั้งนี้ องค์กรพันธมิตรได้ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ว่าเป็นปัญหาสำคัญระดับโลกและมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประชาคมโลก รวมทั้งประเทศไทย โดยภาคการท่องเที่ยวมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ คิดเป็นร้อยละ 8 ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของโลก ทั้งนี้ กิจกรรมการท่องเที่ยวและที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดคือ การเดินทางและขนส่ง ที่พัก อาหารและการซื้อสินค้า ดังนั้น เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากภาคการท่องเที่ยว ผู้เกี่ยวข้องจึงควรมีส่วนร่วมรับผิดชอบโดยการวางแผนการดำเนินงานลด (Reduce) และชดเชย (Offset) คาร์บอนฟุตพริ้น และร่วมกันพัฒนาองค์ความรู้ เครื่องมือ เพื่อผลักดันนโยบายทำให้การท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ เป็นแนวคิดการจัดการเพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งเสริมการจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยการปรับปรุงการบริการด้านการขนส่ง ที่พัก อาหาร กิจกรรมและห่วงโซ่อุปทานอื่น ๆ ที่มีส่วนปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ต่ำลง นำไปสู่การท่องเที่ยวอย่างสมดุลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคท่องเที่ยว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำและการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนต่อไป

“การลงนามบันทึกความร่วมมือในวันนี้ จะเป็นอีกก้าวที่สำคัญที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์จะได้ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรที่มีทั้งองค์ความรู้และประสบการณ์ในการผลักดันการลดการปล่อยคาร์บอนให้บรรลุได้ตามเป้าหมาย ซึ่งการสร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์จะเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมโยงทรัพยากร เครื่องมือ และเทคนิควิธีการจากองค์กรระดับประเทศสู่การขับเคลื่อนจังหวัดกระบี่ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ค.ศ. 2040 หรือปี พ.ศ.2583 และจากการจัดกิจกรรม MOU ในครั้งนี้ ได้มีการออกแบบกิจกรรมเป็นการประชุมสีเขียวที่มุ่งเน้นการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน โดยจากการคำนวณพบว่าสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ถึง 320.19 กิโลกรัมคาร์บอนเทียบเท่าหรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ทดแทน 20 ต้น” ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พิมพ์ลภัส กล่าว

สำหรับวัตถุประสงค์ของการลงนาม MOU ในครั้งนี้ เพื่อสร้างเครือข่ายพันธมิตรองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ในการสร้างองค์ความรู้จากงานวิจัยและนวัตกรรม และทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ในจังหวัดกระบี่ เพิ่มขีดความสามารถในการจัดการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ให้หน่วยงาน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ ชุมชนท่องเที่ยว นักเดินทาง นักท่องเที่ยว และแหล่งท่องเที่ยว เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยตามแนวนโยบายเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy: BCG Economy) และ 3) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านการตลาดและยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์และการจัดงานคุณภาพสูงในระดับสากล

ทั้งนี้การลงนาม MOU กับภาคีเครือข่ายระดับประเทศทั้ง 10 หน่วยงาน ได้แก่ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) กรมการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) หอการค้าไทย สมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย สมาคมผู้บริโภคอินทรีย์ไทย และมีเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในจังหวัดกระบี่อีก 12 หน่วยงาน ได้แก่ จังหวัดกระบี่ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ สมาคมโรงแรมจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ หอการค้าจังหวัดกระบี่ สมาคมการท่องเที่ยวโดยชุมชนจังหวัดกระบี่ สมาคมร้านอาหารจังหวัดกระบี่ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวเกาะลันตา สมาคมการท่องเที่ยวอ่าวนาง มูลนิธิกระบี่ยั่งยืน ชมรมกระบี่ฮาลาลแอนด์มุสลิมเฟรนด์ลี่ และบริษัท วงษ์พาณิชย์ กระบี่ จำกัด